Mocking Tales ร้อยรสปราสาทต้องมนต์

Editorial 09/09/2016

ผู้เข้าชม 2,560

สัมผัสความน่าหลงใหลราวกับต้องมนต์ที่เนรมิตเรื่องราวในเทพนิยายให้เป็นรูปร่างผ่านจานขนม ตัวร้านจำลองสไตล์ปราสาทมาจากเรื่อง Beauty and The Beast ซึ่งเป็นปราสาทของอสูรให้อารมณ์ลึกลับ น่าค้นหา โดยชื่อร้านเป็นการรวมคำว่า Mocking และ คำว่า Fairy Tales เข้าด้วยกันโดยให้ความหมายว่าการจำลองปราสาทในเทพนิยาย เพราะต้องการให้ลูกค้าคนสำคัญที่เข้ามาสัมผัสได้ว่ากำลังอยู่อีกโลกหนึ่ง

ด้านหน้าตกแต่งด้วยประตูเหล็กแบบโบราณ พร้อมหุ้นอัศวินคอยต้อนรับลูกค้าที่เข้ามา เมื่อเดินเข้ามาภายในจะสังเกตได้ว่าแบ่งสัดส่วนได้อย่างลงตัว ส่วน Front ออกแบบให้เป็นโต๊ะนั่งหลากรูปแบบกับชั้นขวดปรุงยามากมาย ถัดเข้ามาจะเป็นโซน Ballroom มีโต๊ะ Dining Table โคมไฟระย้า เตาผิง และกระจกเงาเป็นจุดเด่น อีกทั้งยังมีโซนห้องอ่านหนังสือเล็กๆ ที่ต้องย่อตัวเข้าไป ส่วนด้านบนจัดไว้เป็นที่นั่งบนหอคอย สำหรับลูกค่าที่ชอบความเป็นสวนตัว

คอนเซ็ปต์ของอาหารออกแบบไว้เป็น Dessert & Bar ภายใต้รูปแบบ Daylight & Nighttime กลางวันจะเสิร์ฟเมนูของหวาน และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ พอตกกลางคืนจะปรับอารมณ์ไปเปิดบาร์เสิร์ฟค็อกเทลดื่มกันชิลล์ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเทพนิยายที่มีเรื่อนราว 2 ด้าน คือ มืดและสว่าง อีกทั้งยังออกไลน์เมนูในแบบของซีซั่นซึ่งตอนนี้ทางร้านได้เดินทางมาถึง Chapter ที่ 2 กับคอนเซ็ปต์ Pirate Attack แล้ว ส่วนเมนูที่ยกมาแนะนำในครั้งนี้เริ่มด้วย Poisoned Apple เมนูหลักจาก Chapter ที่ 1 แอบเปิ้ลอาบยาพิษของราชินีใจร้ายในเรื่องสโนว์ไวท์ เป็นแอปเปิ้ลคว้านเนื้อด้านในนำไปอบพร้อมกับเนยและซินนามอน ทานพร้อมกับไอศกรีมแอปเปิ้ลซึ่งมาแทนที่เนื้อด้านในและท้อปด้านบนด้วยคาราเมลซอสและครัมเบิ้ลกรุบกรอบ และตื่นตาตื่นใจด้วยการเสิร์ฟกับควันพวยพุ่งให้อารมณ์เหมือนมียาพิษจริงๆ

ถัดมาเป็นเมนูชูโรงของบทปัจจุบัน The Stolen Dwarf Beer ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง Hobbit ที่เหล่าคนแคระรักการดื่มเบียร์เป็นที่สุด โดยในเมนูนี้วางโครงเรื่องไว้ว่าให้โจรสลัดไปขโมยเบียร์ของคนแคระซึ่งเป็นที่มาของชื่อนี้ จุดเด่นเมนูนี้คือรสชาติจากไอศกรีมรสเบียร์ตัดกับความเปรี้ยวซ่าของ sparkling apple jelly มาเพิ่มสัมผัสในปากและทานแกล้มถั่วที่เสิร์ฟมาให้ด้วยกันในจานถือว่าลงตัว