โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพ กับการก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 อย่างมั่นคง

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาดกันอย่างต่อเนื่อง พี่ใหญ่ผู้สร้างตำนานโรงแรมสัญชาติไทยรุ่นเก๋าอย่างแอมบาสเดอร์ กรุงเทพ กับพันธกิจสืบสานงานบริการสุดประทับใจมายาวนานนับ 36 ปี จะวางหมากอย่างไรเพื่อให้สามารถยืนหยัดอย่างได้เปรียบ คุณสุชาติ เกตุนวม General Manager คนเก่งแห่ง แอมบาสเดอร์ กรุงเทพ ถ่ายทอดความตั้งใจให้ฟังอย่างหมดเปลือก

ตั้งต้น…จากชีวิตที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยตั้งแต่ยังเด็ก ประกอบกับมีหัวค้าขายที่ซึมซับมาจากครอบครัวที่ทำการค้า ทำให้คุณชวลิต ทั่งสัมพันธ์ ในวัย 16 ปีมีเงินเก็บก้อนแรกที่ใช้ตั้งตัวจำนวน 3 หมื่นบาท และเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุน เพื่อนำไปต่อยอดสู่ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างและพัฒนามาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างฝีมือดี จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างกว้างขวาง กระทั่งในปี 2509 คุณชวลิต ตัดสินใจเปิด ชวลิตแมนชั่น ขึ้นบริเวณปากซอยสุขุมวิท 13 เพื่อบริการห้องพักจำนวน 303 ห้อง โดยมีกลุ่มทหารอเมริกันที่เข้ามาช่วงสงครามเวียดนามใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีการปรับปรุงกิจการอย่างสม่ำเสมอ และทำการเปลี่ยนบทบาทจากธุรกิจห้องพักมาสู่ธุรกิจโรงแรม โดยใช้ชื่อ โรงแรมชวลิต เพราะตอนนั้นการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมยังมีไม่มากเมื่อเทียบกับโอกาสในการรับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยชูจุดเด่นด้านห้องอาหาร ข้าวต้มรอบดึก และไนต์คลับ ซึ่งเป็นที่พบปะสังสรรค์ที่กลุ่มลูกค้านิยมเข้ามาใช้บริการและบอกต่อๆ กันจนโด่งดัง

ต่อยอด

ช่วงปี 2523 ถือเป็นยุคที่กิจการเฟื่องฟูและประสบความสำเร็จมาก ทำให้คุณชวลิตต่อยอดโอกาสด้วยการขยายพื้นที่โรงแรมฯ ครอบคลุมซอยสุขุมวิท 11 กับ13 และเปิดบริการอย่างยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพ ก่อนจะต่อยอดความรุ่งเรืองไปยังเมืองพัทยา ด้วยการเปิดตัวโรงแรม แอมบาสซาเดอร์ จอมเทียน ซึ่งถือเป็นโรงแรมที่ใหญ่ ครบครัน และเป็นปรากฎการณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย โดยมีโซน Inn Wing Tower Wing  และ Ocean Wing ที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 4,000 ห้อง ส่วนแอมบาสเดอร์ ที่กรุงเทพเองก็สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้ไม่แพ้กันด้วยห้องพัก 760 ห้อง ห้องจัดเลี้ยง-สัมมนาหลากหลายขนาด ห้องอาหารที่มีส่วนช่วยสร้างชื่อเสียงให้โรงแรมเป็นที่รู้จักอย่าง Hong Teh Chinese Restaurant เป็นห้องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งซึ่งอยู่คู่โรงแรมมาอย่างยาวนาน และห้องอาหารนานาชาติ ห้องอาหารสไตล์โมเดิร์น คาเฟ่ ล็อบบี้ เล้าท์ เบียร์ การ์เด้น รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอันครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Pray Room, Business Centre, Laundry Service, Kids Room, Spa,  Fitness Centre, สระว่ายน้ำ เป็นต้น

เติมเต็ม

แม้ว่าปัจจุบันการบริหารงานจะถูกส่งต่อให้ผู้บริหารรุ่น 2 แต่ทีมบริหารและพนักงานกว่า 500 ชีวิต ก็ยังคงนำเอาวิสัยทัศน์ที่ผู้ก่อตั้งปูทางเอาไว้มาใช้เป็นรากฐานในการปฏิบัติงานได้อย่างมีศักยภาพให้สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และผนึกกำลังกันเพื่อพัฒนาให้แอมบาสเดอร์ กรุงเทพ เป็นตัวเลือกที่ดีและอยู่ในจิตใจของลูกค้า ผู้ร่วมงาน และพันธมิตรทางการค้าได้อย่างยั่งยืน ทำให้ที่นี่โดดเด่นเหนือกาลเวลาด้วยเอกลักษณ์สุดคลาสสิกและการบริการที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมผสานกับองค์ประกอบทันสมัยที่ได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอทั้งในส่วนห้องพัก ห้องจัดเลี้ยง ห้องสัมมนา ห้องอาหาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา และเมื่อถามถึงการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในตอนนี้ คุณสุชาติยอมรับว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือดประกอบกับปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่เข้ามามีอิทธิพลกับวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมที่เห็นได้ชัดก็คือ การรีวิวแนะนำโรงแรมบนโลกออนไลน์ซึ่งเป็นรูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่มาแทนการบอกต่อแบบปากต่อปากในอดีต ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อที่จะรักษาฐานลูกค้าเดิม สร้างฐานลูกค้าใหม่ สานต่อความประทับใจและการบอกต่อในโลกออนไลน์ อีกทั้งยังต้องปรับตัวให้ทันกับการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจองห้องพัก การประชาสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร นอกจากตัวแปรด้านเทคโนโลยีแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคเองก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด มีการเปรียบเทียบและเลือกสรรรายละเอียดมากขึ้นจากข้อมูลบนโลกออนไลน์ ทั้งในเชิงสิ่งอำนวยความสะดวก การเดินทาง ลักษณะห้องพัก ราคาห้องพัก คุณภาพของการให้บริการ ฯลฯ ทำให้ผู้บริหารและพนักงานต้องตื่นตัวและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งและความต้องการของผู้บริโภคได้ในคราวเดียว

โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพ
www.amtel.co.th