หากใครมีโอกาสผ่านมาถนนสาทรจะเห็นอาคารทรงโบราณที่ได้รับการบูรณะและทาสีเหลืองจำปา สัญลักษณ์ของอาคารอนุรักษ์อายุกว่า 127 ปี ติดกับโรงแรมดับบลิว (W Hotel of Bangkok) ปัจจุบันคือ The House On Sathorn ด้วยรูปทรงอาคารคลาสสิกได้เนรมิตให้กลายเป็นห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยงและสัมมนาที่มีเสน่ห์ พร้อมบรรยากาศในสวนเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนจิบชากาแฟผ่อนคลายจากการประชุม
Chef Fatih เกิดในเมือง Istanbul ประเทศตุรกี สนใจการทำอาหารเพราะช่วยคุณแม่เตรียมวัตถุดิบในการปรุงอาหารตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยความใกล้ชิดกลายเป็นการซึมซับและรักการทำอาหารอย่างไม่รู้ตัว เชฟเฝ้าสังเกตการทำอาหารของคุณแม่ และเคยทดลองลงมือทำอาหารจานแรกด้วยวัยเพียง 10 ขวบ จากนั้นมีโอกาสชวนเพื่อนมาที่บ้าน เชฟทำอาหารเลี้ยงและได้รับคำชมจากเพื่อน ๆ นั่นเป็นสิ่งที่จุดประกายและมุ่งมั่นสานต่อความฝันที่อยากจะทำอาหารอย่างจริงจัง จึงเข้าเรียนที่ Turkey’s Culinary School at Bolu Mengen ด้วยการสนับสนุนจากที่บ้าน เมื่อจบการศึกษา เชฟทำงานที่ภัตตาคารในประเทศเป็นเวลา 6 ปี ก่อนตัดสินใจเดินทางไปทำงานในภัตตาคารชั้นนำในแต่ละประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์และการเรียนรู้วัฒนธรรมจากประเทศต่างๆ ที่มีโอกาสได้เดินทางไปเรียนรู้แล้วคือที่ Beijing, Tokyo, Singapore, Denmark, Hong Kong รวมเวลากว่า 14 ปี นับเป็นการบ่มเพาะให้เชฟตระหนักถึงวัฒนธรรมในการกินอยู่ของพื้นถิ่นที่มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป ในปี 2557 เชฟเริ่มเข้ามาบริหารงานห้องอาหารในบ้านสาทร พร้อมทั้งดูแลทีมงานในบ้านอีก 70 คน เป็นความท้าทายที่มีความสุข
แรงบันดาลใจที่เชฟเลือกเมนูมานำเสนอในวันนี้ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมไทย เอเชียเข้าด้วยกัน ผนวกกับเอกลักษณ์การทำอาหารของเชฟที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำอาหาร จึงกลายเป็นอาหารจานศิลป์ที่ลงตัว
จานแรก First Dish On The Table At My Home เชฟได้แรงบันดาลใจและความทรงจำที่อบอุ่นจากคุณแม่ที่ได้จัดเตรียมอาหารจานนี้เป็นมื้อเช้า เพราะจะได้รับความสดชื่นจากเจลลี่มะเขือเทศทานคู่กับTurkish White Cheese Cream และ Parsley บดแช่เย็นตามสูตรของเชฟ เมนูนี้ต้องเตรียมเจลลี่ถึง 3 วัน เมื่อได้สัมผัสรสคำแรกที่จะรู้สึกสดชื่น รสละมุนและไม่มีกลิ่นมะเขือเทศแม้แต่น้อย
เมนูที่ 2 Back to my origin เป็นเมนูของคุณแม่ที่เชฟนำมาปรับวัตถุดิบให้เข้ากับเมนูสุขภาพ โดยใช้ผักมาทำเป็นไส้แล้วห่อด้วยแป้ง ทานคู่กับ garlic yogurt
เมนูที่ 3 Sunday Yum-Cha at Causeway Bay เชฟภูมิใจนำเสนอความสดของ lobster นำมาปรุงแล้วห่มด้วยแป้งสูตรพิเศษ ทานคู่กับ XO sauce
สุดท้าย Everybody Loves Chocolate เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Chocolate และ Matcha Tea ได้อย่างลงตัว ด้วยรสกลมกล่อมไม่หวานมาก เป็นเมนูปิดท้ายที่ประทับใจ
เชฟฟาติห์ ฝากถึงเชฟรุ่นใหม่ขอให้สะสมประสบการณ์ด้วยการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์ด้วยความอดทน ช่างสังเกตและศึกษาหาความรู้แนวโน้มของอาหารว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ประหนึ่งเป็นนักวิจัยอาหารและลงมือทดลองทำ ซึ่งจะทำให้ผลงานที่ออกมามีความแตกต่างและน่าติดตาม วันนี้การรังสรรค์อาหารทุกจานของเชฟแฝงไปด้วยเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่กลายเป็นเสน่ห์จนเป็นเมนูที่ลูกค้าต่างติดใจใน The House on Sathorn สุดท้าย เชฟฟาติห์ภาวนาให้ปีหน้าเป็นปีที่ดี อยากเห็นโลกนี้สงบสุข เชฟและทีมงานรอให้บริการทุกท่านอยู่ค่ะ
ผู้สื่อข่าวสายธุรกิจอาหาร ที่นำเสนอเรื่องราวของธุรกิจ ตลอดจนมุมมองธุรกิจจากเชฟและเจ้าของธุรกิจที่น่าสนใจ