เชฟเมียง ซู โชว (Myung Soo Cho) บินลัดฟ้าจากโซล มาปรุงอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม ให้เราได้รู้จักและลองลิ้มรสชาติกันถึงเมืองไทย ปัจจุบันก็รับหน้าที่ดูแลงานครัวในตำแหน่ง Culinary / Sous Chef ประจำห้องอาหารเกาหลีคลับ(Club) ของโรงแรมบันยันทรีคลับ แอนด์ สปา กรุงโซล
“อันยองฮาเซโย” ทักทายกันแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า TRN จะพาไปรู้จักอาหารสัญชาติไหน คนไทยเราคุ้นเคยกับประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยอาจูมม่า (คุณป้า) เริ่มจากความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-เกาหลีใต้ การท่องเที่ยว ซีรีย์เกาหลี เพลง K-POP เรียนและพูดภาษาเกาหลี อาหารเกาหลี ฯลฯ เรียกได้ว่ามีกิจกรรมครบครัน ในบ้านเรามีร้านอาหารเกาหลี เปิดขึ้นมามากมาย เมนูที่เราคุ้นเคยอย่าง คิมบัป บิบิมบัป ฉับเช พูลโกกี จาจังเมียน ต็อกบ็อกกี โดยเฉพาะ กิมจิ ที่คนไทยเรารู้จักดี และก็เป็นโอกาสอันดีที่ TRN ได้มาสัมผัสกับเชฟอาหารเกาหลี โดยเฉพาะอาหารเกาหลีแบบฉบับดั้งเดิมที่พบเจอและหาชิมได้ไม่ง่ายในเมืองไทย
เชฟเมียง ซู โชว (Myung Soo Cho) บินลัดฟ้าจากโซล มาปรุงอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม ให้เราได้รู้จักและลองลิ้มรสชาติกันถึงเมืองไทย เชฟโชว เริ่มเล่าประวัติให้ฟังว่าหลังจากเรียนจบในระดับอนุปริญญาจาก โรงเรียนสอนทำอาหารคยองฮี (Kyung Hee) ณ กรุงโซล ก็เริ่มต้นทำงานในห้องอาหารเกาหลีนานกว่า 12 ปี ก่อนที่จะเริ่มเข้าทำงานในโรงแรมที่มีชื่อเสียง “Seorabeol” โรงแรม Shilla และห้องอาหารเกาหลี “Galaxy” โรงแรม Sejong ตามลำดับ หลังจากนั้นเชฟตัดสินใจย้ายไปทำงานที่เมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ที่แห่งนี้เชฟมีโอกาสได้ถ่ายทอดรสชาติของอาหารเกาหลีให้ชาวต่างชาติได้ลิ้มรส จากนั้นเมื่อปีที่ผ่านมาเชฟโชวจึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบันยันทรี และปัจจุบันก็รับหน้าที่ดูแลงานครัวในตำแหน่ง Culinary / Sous Chef ประจำห้องอาหารเกาหลีคลับ(Club) ของโรงแรมบันยันทรีคลับ แอนด์ สปา กรุงโซล ตลอดระยะเวลาการเป็นเชฟอาหารเกาหลีมากว่า 42 ปี สิ่งที่ทำให้ เชฟโชว ประทับใจมากที่สุดก็เห็นจะเป็น การได้เสิร์ฟอาหารให้กับประธานาธิบดี บิล คลินตัน ที่วอชิงตัน ดีซี ในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ในขณะนั้น เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ได้ปรุงอาหารให้กับบุคคลสำคัญระดับโลก
เมนูวันนี้ เชฟโซว ตั้งใจจะโชว์อาหารเกาหลีที่ไม่มีให้เห็นตามร้านอาหารเกาหลีในเมืองไทย และหากินไม่ได้ตามร้านอาหารทั่วไปในเกาหลี นอกจากเป็นร้านที่มีพ่อครัวปรุงให้ทานเป็นพิเศษหรือตามโรงแรมเท่านั้น เริ่มต้นด้วย Yukhoe (ยูคแควะ) เนื้อวัวส่วนสะโพก มีไขมันน้อย ที่ให้ความหวานนุ่ม คลุกเคล้าด้วยน้ำปรุงรสจากโคชูจัง กระเทียมสับ น้ำมันงา งา ทานคู่กับเนื้อสาลี่ ที่หอม หวานฉ่ำลงตัว
ตามด้วยเมนูจานที่ 2 Milssam (มิลซัม) แป้งแพนเค้กสไตล์เกาหลีเนื้อนุ่ม ทำให้สุกพอดี เนื้อแป้งมีทั้งแบบเพลนแพนเค้ก และแบบมีสีสัน อย่างสีเขียวจากผักโขม สีชมพูจากดอกแพงฮยอน ที่ผสมลงในส่วนของเนื้อแป้ง ทำให้น่ารับประทาน นำไปห่อกับผักสดนานาชนิด ทานคู่กับซอสที่มีส่วนผสมของวาซาบิและฮันนี่มัสตาร์ด ต้องบอกว่าเมนูจานนี้อิ่มเบาๆ ให้ความสดชื่น แบบเกาหลีดั้งเดิม
ส่วนจานที่ 3 Haemul Naengchae (แฮมุล แนงแช) เส้นแมงกะพรุน (jelly fish) ที่ใช้เวลาทำ 1 วันเต็ม เพื่อให้เส้นและซอสเข้ากันได้ดี ปรุงเพิ่มด้วยอาหารสดจากทะเลที่ยกขบวนกันมาอย่าง กุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์(scallops) ผสมผสานด้วยเมล็ดพุทราแห้ง คลุกเคล้ากับซอสที่มีส่วนผสมกับกระเทียมสับ วาซาบิ น้ำผึ้ง และ ฮันนี่มัสตาร์ด เพิ่มรสชาติด้วย เกลือ น้ำตาล น้ำส้มสายชู เมนูนี้ทานแบบเย็น ยำแบบเกาหลีรสชาติเบาๆ เป็นอาหารในกลุ่มเดียวกันบีบิมบัปหรือคิมบัป ที่เรารู้จักตามร้านเกาหลีทั่วไป(Korea Street Food)
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน Yanggaeng (ยังแกง) ที่ทำมาจาก ถั่วแดง ฝักทอง นำมาบด ผสมกับน้ำผึ้ง ผงเจลลี่ที่ทำมาจากพืช (agar agar) ถั่วพีนัท ลูกพลัม และแปะก๊วย ขนมหวานที่รสชาติไม่หวานจัดจ้าน
และก่อนจากกันวันนี้ เชฟโชว ฝากข้อคิดให้สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นพ่อครัวอาหารเกาหลีว่า อยากให้เรียนรู้กับครูชาวเกาหลีโดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้เข้าใจและ รู้ซึ้งถึงรสชาติที่แท้จริงของอาหาร รวมถึงเลือกใช้วัตถุดิบตามแบบต้นฉบับจริงๆ เพื่อให้ได้รสชาติอาหารแบบเกาหลีที่แท้จริง และสำหรับ การยึดอาชีพคนปรุงอาหารนั้น เชฟโชว บอกว่า 3 สิ่งที่เราต้องยึดไว้ “เราต้องทำงานด้วยใจรัก เพราะอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เริ่มต้นใหม่ในสายอาชีพนี้ คือ อดทน ฝึกฝน และใส่ใจในการทำงาน” และสุดท้าย เชฟโชว อยากให้พวกเราจดจำและนึกถึงอาหารเกาหลี ที่รสชาติของอาหาร มากกว่าการจดจำเพียงแค่ไอดอลเกาหลีเท่านั้น
สถานที่ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ www.banyantree.com
กลุ่มหนุ่มสาว ที่บอกเล่าเรื่องราว ร้านอร่อยหรูทั่วไทย จากฝีมือเชฟระดับโลก และเจ้าของร้านอาหารชั้นนำ