เชฟเอ็กซ์ผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารไทยธรรมดาให้เป็นสุดยอดอาหารระดับ World class การันตีด้วยรางวัลเหรียญทองในเวทีระดับโลก อย่าง The Culinary World Cup 2014 จากประเทศลักเซมเบิร์ก ร่วมงานกับโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่าง โรงแรมโฟร์ ซีซั่น ในตำแหน่ง Asian Chef de Cuisine ที่ประเทศอียิปต์
East Meet West สุดยอดอาหารไทยระดับ World class ช่วงนี้รู้สึกประทับใจกับอาหารไทยมากเป็นพิเศษ คงเพราะได้สัมผัสกับเชฟอาหารไทยหลายท่าน แต่ละท่านนอกจากจะเก่งกาจในการรังสรรค์เมนูอาหารไทยได้อย่างอร่อยและสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ละท่านยังหลงรักและเข้าใจอาหารไทยอย่างลึกซึ้งถึงแก่นของรสชาติ อีกทั้งนำเสนอและถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ไทย ผ่านทุกเมนูได้อย่างโดดเด่น น่าประทับใจ สามารถดึงดูดให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ให้ตกหลุมรักอาหารไทยกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น TRN มีโอกาสได้นั่งคุยกับ เชฟอรรถพล (ไนโต) ถังทอง หรือ เชฟเอ็กซ์ ผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารไทยธรรมดา ให้เป็นสุดยอดอาหารไทยระดับ World class การันตีด้วยรางวัลเหรียญทองในเวทีระดับโลก อย่าง The Culinary World Cup 2014 จากประเทศลักเซมเบิร์ก
หลังจบจาก TAFE Collage Sydney ประเทศ Australia เชฟเอ็กซ์ เริ่มต้นในสายอาชีพกับร้านอาหารไทย ที่ออสเตรเลียอยู่ 3 ปี จากนั้นก็กลับมาทำงานในตำแหน่ง Sous Chef ที่ประเทศไทย กับโรงแรม D2 การเติบโตในสายอาชีพเริ่มขยับขึ้น เมื่อร่วมงานกับโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่าง โรงแรมโฟร์ ซีซั่น ในตำแหน่ง Asian Chef de Cuisine ที่ประเทศอียิปต์ แล้วก็กลับมาประจำที่เชียงใหม่และสุราษฎร์ธานีตามลำดับ และล่าสุดก่อนที่จะเดินทางไปประจำที่ญี่ปุ่น เชฟเอ็กซ์ ดูแลห้องอาหารที่โรงแรม Le MERIDIEN ที่ถนนสุรวงศ์ กรุงเทพฯ ในตำแหน่ง EXECUTIVE CHEF
จากการสั่งสมประสบการณ์มากว่า 10 ปี ทั้งในโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เชฟเอ็กซ์ได้ใกล้ชิดกับลูกค้าต่างชาติ รู้ในสิ่งที่ลูกค้าต่างชาติต้องการ มีความกล้าและมั่นใจที่จะนำเสนออาหารไทยในแบบที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไทย ไม่ว่าจะด้วยรสชาติที่เปรี้ยว เผ็ด จัดจ้าน หรือหวานหยดย้อย อย่างเมนูของหวาน ให้กับชาวต่างชาติได้ลิ้มลอง เชฟเอ็กซ์เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้เราตกหลุมรักอาหารไทย มากกว่าที่เคยเป็น ทำให้เรารู้ว่าอาหารไทย มีเสนห์ น่าหลงใหล และเป็นได้มากกว่า ผัดไท แกงเขียวหวาน และต้มยำกุ้ง ที่เราคุ้นเคย จากวลีที่เชฟเอ็กซ์เคยเขียนไว้ว่า “My Passion to bring Thai food to the world” เปรียบเหมือนภารกิจที่เชฟเอ็กซ์ ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะนำพาอาหารไทยสู่เวทีโลก ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทย และการสอดแทรกวัฒนธรรมการกิน อย่างเช่นการเสิร์ฟเมนูอาหารในปิ่นโตเถาน้อย ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเชฟเอ็กซ์ไปเสียแล้ว
สำหรับเมนูแรกที่เชฟเอ็กซ์เตรียมมาให้เราวันนี้ ปลาแซลมอนอบในน้ำมันมะกอกเสิร์ฟคู่กับยำส้มโอ (Salmon with Pomelo Salad ) ยำส้มโอ รสชาติแบบไทยทานคู่กับปลาซาลมอน เนื้อนุ่ม อบ สุกพอดีในน้ำมันมะกอก จานนี้นอกจากจะละมุนลิ้นแล้ว ยังให้รสสัมผัสที่สดชื่น รส เปรี้ยว เค็ม หวาน ลงตัวอย่างพอเหมาะพอดี เสิร์ฟมาในปิ่นโตเถาน้อย ที่สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการในการแข่งขัน The Culinary World Cup 2014 มาแล้ว
ตามมาติดๆ ด้วยเมนูสุดแสนจะธรรมดากับอาหารพื้นบ้านแบบไทยเรา แต่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ซุปข้นฟักทองรสแกงเลียง เสิร์ฟคู่กับข้าวตังและหมูฝอย (Butternut bisque, Holy basil, Crispy Rice Cracker, Pork Floss and Herb Oil) หอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ และใบแมงลัก ตามแบบฉบับแกงเลียงไทย ซุปเนื้อเนียนนุ่มนวล เสิร์ฟมาในจานแบบยุโรป ทานคู่กับหมูฝอยหวานกำลังดี ตัดกับความกรอบของข้าวตังหอมมะลิ เป็นการผสมผสานความเป็นอาหารไทยได้อย่างลงตัว ทั้งรสชาติและการนำเสนอแบบอาหารฝรั่ง เรียกว่าเป็นการจับคู่กันได้เหมาะเจาะลงตัวใบแบบ East Meet West
และความโดดเด่นของจานหลักวันนี้ อยู่ที่เมนูอาหารไทยที่ซีเอ็นเอ็นยกให้เป็นอาหารสุดอร่อย (Most delicious) อันดับ 1 ของโลก เป็นเมนูอื่นไปไม่ได้นอกจาก แกงมัสมั่น แต่คราวนี้ มาในแบบ แกงมัสมั่นเนื้อแบบ 2 สไตล์ Massaman Beef 2 Ways เนื้อแกะสองแบบ ชิ้นแรกเป็นสันในห่อด้วยพามาแฮมอบ ชิ้นที่สองเป็นเนื้อแกะบด ปั้นและชุปเกล็ดขนมปังทอด ราดด้วยน้ำซอสที่ผสานกันระหว่างแกงมัสมั่นและน้ำเกรวี่ ที่ได้รสชาติกลมกล่อมลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
และปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่หยิบเอาข้าวเหนียวมะม่วงของไทยเรามาแปลงร่าง ให้กลายเป็นซุปเปอร์โมเดล เพราะทั้งสวย หวาน เซ็กซี่ เรียกได้ว่า หรูหรา สง่างามไม่แพ้ขนมสไตล์ฝรั่งเศส เค้กข้าวเหนียวมูลมะม่วงสุกหวาน เสิร์ฟคู่กับครีมกะทิกลิ่นตะไคร้ Mango Mousse with Sticky Rice and Coconut Lemongrass Cream ฐานด้านล่างเป็นแป้งพายให้ความกรุบกรอบ ชั้นถัดมาเป็นข้าวเหนียวมูลที่เอาเทคนิคการทำอาหารฝรั่งมาใช้ แบบเดียวกับการผัดข้าวริซอตโต้ แบบอิตาเลียน และเคี่ยวกับกะทิ วิปปิ้งครีม เกลือ น้ำตาล หวานน้อย สุกพอดี รับประทานได้กลมกลืนกับเนื้อสปองจ์เค้ก และเจลลี่มะม่วง รสชาติตัดกันได้อย่างแนบเนียน เพิ่มความ เก๋ไก๋ ด้วยขนมสายไหม ก่อนเสิร์ฟ ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศกินข้าวเหนียวมะม่วง ไปพร้อมๆ กับเที่ยวงานวัดแถวบ้าน จัดว่าเป็นเมนูขั้นเทพจริงๆ
และนอกจากภารกิจในการสร้างสรรค์และนำพาอาหารไทย ออกไปสู่สายตาชาวโลกที่ฝังอยู่ใน DNA ของเชฟเอ็กซ์แล้ว งานสำคัญระดับชาติที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคืองานฝึกอบรม ให้กับคนรุ่นใหม่ หรือพนักงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ต้องทำงานร่วมกับเชฟ นั่นคืองานสอน และถ่ายทอด ให้คนกลุ่มนี้รู้จักและเข้าใจรสชาติ ตลอดจนกรรมวิธี ขั้นตอนการปรุงอาหารไทย อย่างถูกต้อง คงไว้ซึ่งรสชาติและความเป็นเอกลักษณ์ไทย และเชฟเอ็กซ์ ฝากเอาไว้ว่า อยากให้คนรุ่นใหม่ภาคภูมิใจที่เป็นเชฟอาหารไทย เพราะเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ และต้องระลึกในหน้าที่ในการพาอาหารและวัฒนธรรมไทย เผยแพร่อออกไปให้โลกรับรู้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เรา ที่เป็นคนไทย ฟังแล้วรู้สึกสุขใจไปกับคนในสายอาชีพคนปรุงอาหารไปด้วย นอกจากทำอาหารอร่อยแล้ว ยังเปรียบเสมือนครูผู้ถ่ายทอดและสืบสานอาหารไทย ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดกาล
สถานที่ Le Meridien Bangkok Hotel /www.lemeridien.com
กลุ่มหนุ่มสาว ที่บอกเล่าเรื่องราว ร้านอร่อยหรูทั่วไทย จากฝีมือเชฟระดับโลก และเจ้าของร้านอาหารชั้นนำ