Chef Anil’s Bio

เชฟอนิลเชฟหนุ่มรุ่นใหม่ที่บินลัดฟ้ามาไกลจากอินเดีย ย้อนอดีตให้ฟังว่า ด้วยความที่เข้าครัวช่วยคุณแม่และคุณยายทำอาหารมาแต่เด็ก ทำให้เชฟรักการทำอาหาร และกว่า 9 ปี ของการสั่งสมประสบการณ์ทั้งในประเทศอินเดีย อียิปต์ มัลดีฟ  จนมาถึงประเทศไทย เพื่อเผยแพร่เคล็ดลับความอร่อยของอาหารอินเดียภาคเหนือ

หากพูดถึงประเทศอินเดียแล้วคนไทยเราน่าจะคุ้นเคยดี ทั้งผู้คน ภาพยนตร์จากแดนภารตะ ไปจนถึงวัฒนธรรมอาหารอินเดีย ตั้งแต่ภาพยนตร์อินเดีย ไปจนถึงวัฒนธรรมการกินอาหารอินเดีย และที่เราจำกันได้ตั้งแต่เด็กจะถึงวันนี้ เห็นจะเป็นกาพย์เห่บทชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯ (ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2) ที่ว่า “มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลิ่นแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา” สะท้อนถึงความคุ้นเคยกับอาหาร ประเภทแกง ที่มีกะทิเป็นหลักตามด้วยพริกแกงกับเครื่องเทศที่ร้อนแรงหลากหลาย รสชาติกลมกล่อม จัดจ้านที่มีคู้คนไทยมาช้านาน และด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของอาหารอินเดีย ที่รวมหลากหลายรสชาติอันหลากหลายของเครื่องเทศไว้ในจานเดียวกัน ทำให้คนไทยเรา ชื่นชอบ และติดใจรสชาติ จนต้องแวะเวียนไปหารับประทานกันอยู่บ่อยๆ TRN ฉบับนี้ ขอพาท่านไปรู้จักกับอีกแง่มุมของอาหารที่มีรสชาติเย้ายวนผสานเครื่องเทศหลากหลาย อย่างอาหารอินเดีย กับ Executive Chef คนใหม่ของร้านอินดัส ร้านอาหารอินเดียร่วมสมัย ที่สืบสานเคล็ดลับความอร่อย ของอาหารอินเดียทางภาคเหนือมายาวนานกว่า 10 ปี

“เชฟอนิล”(Chef Anil’s Bio) เชฟหนุ่มรุ่นใหม่ที่บินลัดฟ้ามาไกลจากอินเดีย ย้อนอดีตให้ฟังว่า ด้วยความที่เข้าครัวช่วยคุณแม่และคุณยายทำอาหารมาแต่เด็ก ทำให้เชฟรักการทำอาหารและเลือกศึกษาต่อด้าน Hotel Management Catering& Nutrition ที่ปานิปัต ฮาเรียนา ประเทศอินเดีย ต่อหลังจากคว้าปริญญาตรีด้านการท่องเที่ยวมาแล้ว และกว่า 9 ปี ของการสั่งสมประสบการณ์ในการปรุงอาหาร ทั้งในประเทศอินเดีย และต่างประเทศ อย่างที่อียิปต์และมัลดีฟ จนมาถึงประเทศไทยนั้น เชฟอนิล พูดไว้อย่างน่าฟังว่า “การทำอาหารอินเดียในในบ้านเรานั้น เสน่ห์อย่างหนึ่งคือ สามารถหาวัตถุดิบในการปรุงอาหารอินเดีย ที่มีคุณภาพสูงได้ไม่ยาก ที่เมืองไทยมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพและหลากหลาย กว่าหลายๆประเทศ และเชฟมั่นใจว่า รสชาติของอาหารที่เสิร์ฟในเมืองไทยจะใกล้เคียงกับที่เสิร์ฟในอินเดีย” และด้วยความชำนาญอาหารทางภาคเหนือของอินเดีย วันนี้เมนูที่เชฟเตรียมมาเอาใจคนรักอาหารอินเดีย เริ่มต้นเบาๆ กับจานแรกด้วย ทันดูรี ครีมมี่ บล็อกโคลี (Tandoori Creamy Broccoli) บล็อกโคลี ต้นขนาดพอดีหมักข้ามวันด้วยโยเกิร์ตและชีสนำไปเสียบไม้ย่างในเตาทันดู จนได้บล็อกโคลีเนื้อนุ่ม รสหวาน เลือกทานคู่กับเครื่องเคียงตามใจชอบ ทั้งน้ำจิ้มมะขาม น้ำจิ้มมะม่วง น้ำจิ้มใบสะระแหน่

ที่เคียงคู่มากับหัวหอมแดงดองกับน้ำส้มสายและเกลือ เมนูนี้เบาๆ รองท้องก่อนจานหลักเหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ ตามต่อกันด้วย อินดัส มาลายน์ คาบับ (Indus Kebab-E-Malai) เนื้อไก่หมักด้วยเครื่องเทศนานาชนิด พร้อมโยเกิร์ต ชีส เม็ดมะม่วงหิมพานต์บด ยี่หร่า ผักชีแห้ง จานนี้ได้ความอร่อยจากเนื้อไก่ที่ไม่ต้องจิ้มซอสแต่อย่างใด เพราะเนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศและยังนุ่มละมุนลิ้น แต่ถ้าใครจะเลือกทานคู่กับน้ำจิ้มหลากรสและแป้งนานกระเทียมก็อร่อยไปอีกแบบ ความเหนียวนุ่มของแป้งนานกับไก่เนื้อนุ่ม ให้ความกลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างมาก จานที่สามนี้เป็น เนื้อแพะย่าง (Tandoori Raan) เนื้อแพะหมักเครื่องเทศนานาชนิดย่างในเตาทันดูรี รสสัมผัสของเครื่องเทศหมักจนเข้ากันได้ดีกับเนื้อแพะ ไม่มีกลิ่นสาบ เนื้อนุ่ม และหอมมาก ถ้าใครกลัวเลียนขอแนะนำทานคู่กับหัวหอมแดงดองและแป้งนานรับรองต้องชอบ ปิดท้ายเมนูด้วย พะแนงไก่จากเมืองอาเวิร์ด (Murgh Awadhi Korma) เครื่องแกงแบบอินเดีย ส่งกลิ่นคล้ายแกงกระหรี่ของไทย หวานมันกับน้ำแกงที่ผสมผสานกันด้วนกะทิและนมเข้าด้วยกัน เสิร์ฟเคียงคู่มากับแป้งนานและข้าวบาสมาติ ข้าวสวยเม็ดยาวรี หุงอย่างนุ่มปรุงรสด้วยหญ้าฝรั่น เรียกว่าทั้งหอมและหวาน ลงตัวกับแกงเป็นอย่างดี

“เชฟอนิล” ยังฝาก 3 สิ่งทิ้งท้ายไว้ถึงคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเรียนอยู่ในสายการปรุงอาหาร และเตรียมตัวก้าวสู่อาชีพเชฟในอนาคตว่า 1.เราไม่ควรจำกัดตัวเองในการเรียนรู้ว่าจะต้องเรียนกี่ชั่วโมงต่อวัน แต่เราควรเรียนรู้อย่างไม่จำกัด 2.ควรจะเลือกว่าตัวเองต้องการเชี่ยวชาญอาหารด้านไหนโดยเฉพาะ เพื่อที่เราจะได้เจาะจงประเภทอาหารที่เราต้องฝึกฝนเพื่อให้ชำนาญ และ 3.คืออยากให้ทำตามคำแนะนำอาจารย์ผู้สอนและเรียนรู้ตามขั้นตอนไม่ควรลัดขั้นตอน สุดท้ายเชฟแนะนำว่าให้ซื้อหนังสืออาหารเก็บไว้เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างแรงบันดาลในการทำอาหารและคิดค้นเมนูใหม่ๆ ให้กับตัวเองต่อไป

ร้านอินดัส สุขุมวิท 26 โทร.02- 258-4900 www.indusbangkok.com