Pour Over Lab คิดค้นกาแฟพิเศษอย่างพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกพันธุ์กาแฟ การเก็บ การคั่ว การบด การต้มและปรุงกาแฟ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก โดยรวมมีคำ 3 คำที่น่าจะใช้กับกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) คือ เมล็ดกาแฟสด (Fresh Coffee Beans) + Lab + Emotional ทำให้ได้กาแฟแก้วพิเศษที่ให้สัมผัสความสุนทรีย์มากกว่ารสชาติ เราจึงตามมาที่ Pour Over Lab
Pour Over Lab ให้สัมผัสกาแฟที่แตกต่างของกาแฟคลื่นลูกที่ 4
กว่า 17 ปี ที่ วู้ดดี้ -ศราวุธ เปรมจิต วนเวียนเปิดร้านกาแฟด้วยการลองผิดลองถูก ล้มลุกและรุก เปิด- ปิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนี้ถอดใจเพราะด้วยความรู้สึกว่า “รักกาแฟด้วยชีวิต” ดังนั้นอุปสรรคจึงกลายเป็นบททดสอบและเป็นแรงขับเคลื่อนให้พัฒนาไม่หยุดยั้งเพื่อหาสูตรสำเร็จของการทำธุรกิจกาแฟครบวงจร ให้เติบโต และยั่งยืน หลังจากปลุกปั้น Red Diamond ขึ้นแท่นกาแฟพิเศษเป็นคลื่นลูกที่สาม ที่เปลี่ยนแปลงการปลูกและการปรุงกาแฟเปรียบได้กับการทำไวน์ชั้นเลิศ ที่บ่มเพาะและพิถีพิถันตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ไปจนถึงการชงกาแฟ ซึ่งวู้ดดี้ตั้งใจจะผลักดันให้ก้าวไกล แต่มีอุบัติเหตุการร่วมทุนทำให้ วู้ดดี้ นำประสบการณ์ในอดีตที่เชี่ยวชาญกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และองค์ความรู้ “กาแฟสเปเชียลตี้” ที่ได้เรียนกาแฟพิเศษอย่างจริงจังจากสถาบันในต่างประเทศ พร้อมสอบมาตรฐานการเป็นตัวแทนสถาบันกาแฟพิเศษที่สามารถออกใบรับรองจาก Specialty Coffee Association of Europe (SCAE) ได้มาคิดค้นแบรนด์ใหม่ต่อยอดความพิเศษจากเดิม โดยมุ่งมั่นค้นคว้าและศึกษางานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อวางตำแหน่งแบรนด์น้องใหม่ “ Pour Over Lab” ให้ชัดเจน โดยวางตำแหน่งเป็นกาแฟคลื่นลูกที่ 4 รายแรกในประเทศไทย
ต้นกำเนิดร้านกาแฟคลื่นลูกที่ 4 ณ สยามดิสคัฟเวอรี่
“ Pour Over Lab” The Pursuit of a cup of Excellent Coffee เป็นร้านที่รวม brewing ทุกรูปแบบไว้ เช่น Drip , Syphon, Chemex เป็นต้นโดยความเป็นมืออาชีพที่เข้าใจรสนิยมคนดื่มกาแฟที่ร้านจะไม่มี Espresso Machine แต่เราจะให้บาริสต้าที่ได้รับการฝึกฝนในด้านกาแฟทุกรูปแบบอย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่ Processing การคั่ว การชิม การชง เรียกว่าเป็น Coffee Professional ที่ได้รับการฝึกอย่างดีจนมีทักษะและชำนาญพิเศษในด้าน Sensory Skills เมนู signature ที่เป็นกาแฟจึงมาจากกระบวนการ Brewing ทั้งหมด
Pour Over Lab กาแฟคลื่นลูกที่ 4 เข้มข้น จัดจ้านจากกาแฟคั่วที่ได้จากเมล็ดกาแฟตัว TOP ระดับ 90 + ขึ้นไป มาจากแหล่งที่หายาก เช่น Yemen Mocha เป็น Top 3 ในโลก และมีกาแฟเอธิโอเปีย Decaf สำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน เป็นต้น การดื่มกาแฟให้ได้อรรถรสและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมตามสไตล์ตัวคุณเองควรเข้าใจองค์ประกอบกาแฟตั้งแต่ต้นทาง
ร้าน Pour Over Lab เน้นที่ Sensory Skills จึงจัด Cupping ฟรี วันจันทร์-ศุกร์ วันละ 2 รอบ เวลา 13.00 และ 15.00 ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ วันละ 2 รอบ ๆ ละ 6 คน เวลา 11.00 และ 13.00 มีค่าใช้จ่าย 200 บาท โดยจะมีการสอน Basic Cupping ให้ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว ที่นี่จึงเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ของคนกรุงที่มาเรียนรู้เรื่องกาแฟและที่นัดพบแห่งใหม่ของคนรักกาแฟพิเศษ
จุดนัดพบ กาแฟ เสียงเพลง และประสบการณ์
เพื่อมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มกาแฟและการเดินทางที่มีเรื่องเล่ากับกาแฟแก้วโปรด พร้อมเติมความสุนทรีย์กับมุมส่วนตัว ทางร้านได้จัดบริการหูฟังดีๆ พร้อมเพลงแนว Ambient Music (ดนตรีแอมเบียนต์ เป็นแนวเพลงที่เน้นเรื่องของเสียงมากกว่าตัวโน้ต เน้นบรรยากาศ สภาพสิ่งแวดล้อม ในธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย) ซึ่งการคัดเพลงจะเน้น Sound of Coffee อย่าง The Galaxy และ Beautiful of Storm เป็นต้น
โดยเมนูคัดสรรให้ไปกับจินตนาการของเสียงเพลง นอกจากความละเอียดเมนูแล้วทางร้านใส่ใจด้านอารมณ์การสัมผัสจากกลิ่น รส เสียงและสายตา โดยผลงานวิจัยเรื่องสีที่ทำให้คนมีความรู้สึกสงบและสบาย คือ สีฟ้า ดังนั้นการออกแบบจึงโยงสีฟ้าเข้ามาตั้งแต่แก้ว น้ำดื่มที่มีสีฟ้าอ่อน รวมถึงชุดพนักงานที่ใส่ชุดนักวิจัยในห้องแล็บและถุงมือสีฟ้า ซึ่งเรื่องราวของ Pour Over Lab ยังมีเสน่ห์ให้คนคอกาแฟค้นหาได้ไม่รู้จบเพราะที่นี่คือจุดนัดพบของคนรักกาแฟพิเศษ
- สถานที่ตั้ง : Pour Over Lab สยามดิสคัฟเวอร์รี่ 989 ถนน พระรามที่ 1 แขวง ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (Google Map )
- Facebook : fb.me/pouroverlab.th/
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ
บรรณาธิการ นิตยสาร Thailand Restaurant News สื่อสิ่งพิมพ์ที่อยู่คู่กับธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (HoReCa) เป็นเวลายาวนานกว่า 18 ปี และเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุด้านธุรกิจ