‘ข้าว’ ความพรีเมี่ยมของอาหารไทยร่วมสมัย

Mr.TRN Reporter 17/01/2019

ผู้เข้าชม 59,040

“อาหารอร่อยสามารถไปซื้อกินที่ไหนก็ได้ ร้านข้าวจึงตั้งใจเลือกวัตถุดิบที่ดีก่อน แล้วเรามาปรุงให้อร่อย แล้วลูกค้าเห็นว่าอาหารจานนี้สะอาดและคุณภาพดีคำว่าอร่อยจะตามมาเอง”

เชฟวิชิต มุกุระ ได้นำเรามาที่โลเกชั่นล่าสุดของร้าน ‘ข้าว’ ที่ขยับจากร้านเดิมในซอยสุขุมวิท 51 มาอยู่ที่ย่านเอกมัยซอย 10 กับโฉมใหม่ที่ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้ากว่า 1 เดือน เพื่อต้อนรับหนุ่มสาวและครอบครัวมาใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขบนโต๊ะอาหารจาก 12 ขยับเป็น 80 เลขนี้เป็นจำนวนที่นั่งจากร้านเดิมสู่ร้านใหม่ที่จะทำให้การเข้าถึงอาหาร และเจอเชฟวิชิต เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ตัวร้านออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบายตา จากไม้สีอ่อน และการเลือกใช้โทนสีครีม – เขียวเข้าไปในตัวเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงจำลองดีไซน์ของยุ้งข้าวและฉางเกลือมาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกัน ด้านหน้าร้านมีต้นข้าวและเจ้าควายรอต้อนรับ ส่วนหลังร้านจะพบกับแปลงผักสวนครัวขนาดย่อมที่พร้อมเด็ดมาปรุงอาหารทันที สำหรับด้านในแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัวด้วยโซนร้านอาหาร ห้อง Private dining โซน Chef table ที่มาพร้อมครัวเปิดให้ทุกคนเห็นการทำงานของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด

มื้อนี้เราเริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย แซ่บทรงเครื่อง ไส้กรอกอีสานชั้นดี หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปทอด คลุกเคล้ากับเครื่องเมี่ยงสมุนไพร ปรุงรสอย่างจัดจ้านคล้ายลาบ ทานพร้อมใบชะพลูยิ่งแซ่บสมชื่อ จานถัดมาเป็นเมนูต้องสั่ง

จานต่อไป ผัดพริกขิงปลาดุกฟู แม้หน้าตาอาจจะดูเรียบง่ายแต่รสชาติไม่แพ้ใคร โดยเชฟเลือกใช้ปลาดุกอุย นำไปทอดจนฟู จากนั้นนำไปผัดกับเครื่องพริกขิง และไข่เค็มแดงปั้นขนาดเท่าลูกปัด ทานแล้วได้รสหวาน เค็ม เผ็ด แต่ที่ชัดเจนคือได้รสชาติความมันของปลาดุกแบบเน้นๆ แล้วต่อด้วย

ความพรีเมี่ยมส่งต่อมาที่จานนี้ แกงกะหรี่น่องแกะ ชิ้นโตที่เนื้อผ่านการเคี่ยวจนนุ่ม และซอสซึมเข้าเนื้อ ทานคู่กับมันม่วงในจาน และราดน้ำอาจาดเล็กน้อย ถือว่าเสริมรสได้ดี จบมื้อคาวแล้วก็ต้องปิดด้วยจานหวานอย่าง

จบคอร์สด้วย ชุดขนมไทยรวม จัดวางมาอย่างสวยงาม ขนมไทยรสนุ่มนวล หวานน้อย ได้แก่ ขนมชั้น ขนมเปียกปูน หยกมณี และวุ้นกะทิ มาแบ่งกันทานให้มื้อนี้ของคุณจบด้วยอิ่มเอม