“ร้านบลูโนส” ตั้งอยู่ ริมสระน้ำ ชั้น 14 ของโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย การตกแต่งร้านเรียบง่ายเสริมเสน่ห์ด้วยศิลปะงานเพ้นท์ภาพผนัง ร่วมสมัยให้ความรู้สึกอบอุ่น ให้ความเป็นกันเอง ภายใต้คอนเซ็ป “คลาสสิค คอมฟอร์ด ฟู้ด”
ร้านบลูโนสนำเสนออาหารที่ทานง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน จากวัตถุดิบที่เลือกสรรมาอย่างดี สไตล์เชฟมาร์ติน บลูโนส ที่เน้นแบบโฮมเมด ซึ่งได้รับการันตีฝีมือด้วยเชฟมิชลินระดับสองดาวจากประเทศอังกฤษ สำหรับการเปิดร้านบลูโนสนี้นับเป็นครั้งแรกของ เชฟบลูโนส ที่ได้เปิดร้านอาหารในต่างแดน นอกจากร้านอาหารของเขาเองที่อยู่ในเมืองบาธ ประเทศอังกฤษ
วันนี้ Chef Martin Blunos ต้อนรับทีมงาน พร้อม 4 เมนูใหม่ ที่เตรียมให้นักชิมฟู้ดดี้ได้ลิ้มรสในไตรมาสที่ 2 ก่อนไปชมและชิมอาหาร เรามาทำความรู้จัก Chef Blunos กันค่ะ
ย้อนวันเวลาของเชฟ Martin Blunos ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองมาจากครอบครัวช่างไม้ในประเทศอังกฤษตั้งแต่คุณปู่ ตกทอดฝีมือและความรู้มาสู่รุ่นคุณพ่อ วัยเด็กเชฟเข้าเรียนภาคปกติ และครูชาวเกาหลีได้จุดประกายให้เชฟอยากรู้เรื่องอาหารแถบเอเซีย แต่ผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เชฟหันมาสนใจด้านอาหารอย่างจริงจังกลับเป็นคุณพ่อ ด้วยคำถามสั้น ๆ ก่อนจบการศึกษาว่า “ลูกอยากทำอาชีพอะไรในอนาคต” คุณพ่อให้แนวคิดไว้ว่า คนเราทุกคนต้องกิน และกินวันละ 3 มื้อเป็นอย่างน้อย จุดนั้นเองเชฟได้คำตอบว่า อาชีพทำอาหารเป็นสิ่งที่ใช่ในชีวิต ดังนั้นเชฟจึงเริ่มทำงานในร้านอาหารเพื่อสั่งสมประสบการณ์ พร้อมกับเข้าเรียนด้านอาหารโดยเฉพาะเพื่อเรียนรู้ทฤษฎีเป็นเวลา 4 ปี จากนั้นจึงออกเดินทางสู่โลกกว้างด้วยการออกไปทำงานในประเทศอาหรับและยุโรป รวมถึงประเทศสวิสเซอร์แลนด์ระยะหนึ่งแล้วจึงเดินทางกลับไปทำงานที่ประเทศอังกฤษในร้านอาหารที่ได้ Michelin 2 stars และได้ทำรายการอาหารผ่าน Skype อีกทั้งได้รับโอกาสปรุงอาหารถวายสมเด็จพระราชินีที่เชฟรู้สึกเป็นเกียรติ
การเดินทางไม่สิ้นสุด เชฟหันมาทำงานในแถบตะวันออกกลางและเอเชีย สำหรับประเทศไทยเชฟเดินทางมา 2 ครั้ง รู้สึกชอบในวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของผู้คน อีกทั้ง street food ของไทยมีเสน่ห์ มีความหลากหลาย รสชาติดี น่าสนใจทุกเมนู จึงทำให้เชฟตัดสินใจมาร่วมงานกับโรงแรมอีสทิน และทางโรงแรมให้เกียรติใช้ชื่อเชฟเป็นชื่อห้องอาหารบลูโนส ด้วยแนวคิด Classic Comfort Food ทุกเมนูเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดีเยี่ยมเพื่อให้ลูกค้าได้รับอรรถรสที่ดี
ก่อนจบการสัมภาษณ์ เชฟ Blunos ได้ฝากข้อคิดถึงเชฟรุ่นใหม่และเพี่อนร่วมอาชีพว่า อย่าเพียงได้ยินเสียงจากลูกค้าหากแต่ต้องฟังและใส่ใจ เพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพของอาหาร not only hear but also listen และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาด้วยใจรักและเคารพในอาชีพนี้ ด้วยความภาคภูมิใจ
จากความใส่ใจนี่เองที่ทำให้เชฟ Blunos เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและลูกค้าที่มารับประทานอาหาร ที่ห้องอาหาร Blunos อย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวสายธุรกิจอาหาร ที่นำเสนอเรื่องราวของธุรกิจ ตลอดจนมุมมองธุรกิจจากเชฟและเจ้าของธุรกิจที่น่าสนใจ
