เสน่ห์ของอาหารไทยคือ ความหลากหลายทางรสชาติในหนึ่งเมนู ซึ่งแต่ละรสของอาหารแต่ละจานจะส่งเสริมซึ่งกันและกันให้เกิดความอร่อย ร่วมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เกริ่นถึงอาหารไทยตั้งแต่เริ่มต้น เดาไม่ผิดแน่นอนว่า World Chef จะพามาพบกับเชฟอาหารไทย ผู้ซึ่งเติบโต หลงใหล และมุ่งมั่นพัฒนาอาหารไทยด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด
ก้าวสู่ปีที่ 21 ของการเป็นเชฟอย่างมั่นใจ ซึ่งกว่าจะมีทุกวันนี้เชฟเรณูได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้าครัวครั้งแรกว่า “เชฟมีคุณแม่เป็นแม่ค้าข้าวแกงอยู่ที่จังหวัดลพบุรี แรกๆ ที่เข้าไปช่วยงานในครัวรู้สึกเป็นงานที่เหนื่อยมาก แต่แปลกตรงเวลาเราหิว เรากลับบ้านไปทานข้าวแล้วมีความสุข ทั้งๆ ที่แม่แค่ทอดไข่เจียวก็รู้สึกอร่อย ซึ่งแม่เชฟบอกว่าทำกับข้าวทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าทุกอย่างมันทำมาจากใจเรา แล้วคนทานแล้วเขามีความสุข คนที่ทำจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น นั่นคือสิ่งที่แม่จะพูดบ่อยๆ” (ยิ้ม) จากแรงบันดาลใจในร้านข้าวแกงของแม่ ทำให้เชฟมุ่งมั่นเดินหน้าต่อกับการเข้ามาทำงานครัวในโรงแรมกับห้องอาหารหลากประเภทหรือแม้กระทั่งครัวของพนักงานที่โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ เชฟก็เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่อยมา “เคยมีคนถามว่าทำกับข้าวพนักงาน เราจะมีความรู้สึกเหมือนเกรดตกไหม เราคิดอีกมุมหนึ่งว่าถ้าสามารถทำให้ครัวพนักงานมีความสุขกับการกินอาหาร ขอสูตรไปต่อยอด ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะเชฟเชื่อว่าถ้าเราเปลี่ยนความคิดตรงนี้ห้องอาหารจะไม่มีการแบ่งเป็นสองมาตรฐาน ไม่ว่าจะทำให้พนักงานหรือแขกในโรงแรมทาน เราต้องยึดมาตรฐานเดียวกัน คือทำให้ดีที่สุด” โดยเชฟปักหลักสร้างความสุขในการทานอาหารของพนักงานอยู่ 3 ปี จนฝีมือเลื่องชื่อจึงทำให้ได้รับโอกาสดูแลอาหารส่วนอื่นๆ ในโรงแรมมากขึ้น จนวันนี้กลายเป็น CORPORATE SAFFRON CHEF เชฟใหญ่ที่จัดการดีไซน์เมนูห้องอาหารไทยแชฟรอน ในโรงแรมบันยันทรี ทุกสาขาทั่วโลก พร้อมกับโอกาสมากมายที่ได้รับเชิญจากเชฟมิชลินสตาร์ไปร่วมแชร์อาหารไทยในต่างแดนอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับเมนูที่เชฟเรณูจะมานำเสนอในวันนี้เราเริ่มต้นกับ Yum Pla Salmon (ยำพล่าแซลมอน) ยำแซลมอนกับน้ำสลัดแบบไทย ที่โชว์ตัวตนของสมุนไพรได้อย่างโดดเด่น รสสัมผัสไม่จัดจ้านจนเกินไป และช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี
เมนูถัดมาจัดมาอย่างสวยงามกับไข่สามใบ Pu Kai Gai Long (ปูไข่ไก่หลง) เนื้อปูยำจนได้รส ท้อปด้วยโฟมกะทิ คาเวียร์ ทองคำเปลวและสาระแหน่ ซึ่งความเผ็ดเล็กๆ จากน้ำพริกเผากับเนื้อปูเข้ากันได้พอเหมาะ อีกทั้งโฟมกะทิไม่ได้ทำให้รสชาติแปลกไปแต่อย่างใด
จัดเซ็ตใหญ่กับเมนู Panang Kae (พะแนงแกะ) หอมกลิ่นเครื่องแกงมาแต่ไกล เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงสารพัดชนิดมาช่วยตัดความเลี่ยน ซึ่งเนื้อแกะจานนี้ปรุงมาได้พอดี ไม่มีกลิ่นรบกวนใจ
ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Thai custard (สังขยารวมมิตร) สังขยา 3 รส ในถ้วยตะไล แนะนำว่าให้เรียงลำดับการกิน โดยเริ่มจาก รสขิง รสใบเตย และรสชาไทย เพื่อรับอรรรสของกลิ่นและรสชาติได้ดียิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวสายธุรกิจอาหาร ที่นำเสนอเรื่องราวของธุรกิจ ตลอดจนมุมมองธุรกิจจากเชฟและเจ้าของธุรกิจที่น่าสนใจ